วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

กฎของการเป็นแฟนกัน

 


กฎทองข้อที่ 1 เราจะไม่โกรธพร้อมกันทั้งสองคน อย่างที่คนโบราณเค้าว่า
ถ้าเขาร้อนเป็นไฟ คุณก็ต้องเย็นให้ได้ดั่งน้ำ

กฎทองข้อที่ 2 เราจะไม่ตะโกนใส่กันเด็ดขาด 
ยกเว้นตอนเกิดไฟไหม้บ้านกระทันหัน อิอิ

กฎทองข้อที่ 3 จำไว้ว่าไม่มีใครชอบคำติ 
หากจะคุยถึงสิ่งที่คุณไม่ชอบให้เขาทำ อย่าลืมพูดให้หวาน ๆ เข้าไว้ 
(ไม่ใช่พูดว่าน้ำตาลๆๆๆน
ะ)

กฎทองข้อที่ 4 เราจะไม่มารื้อฟื้นเรื่องบาดหมางในอดีต 
ถ้าจะคุยเรื่องเก่าๆ เลือกเรื่องหวานๆ ของสองเราจะดีกว่า

กฎทองข้อที่ 5 ทำให้เขารู้สึกว่า เขาสำคัญสำหรับคุณเสมอ

กฎทองข้อที่ 6 สัญญากันนะว่าเราจะไม่โกรธกันข้ามคืน 
เพราะคุณนั่นแหล่ะจ
ะนอนไม่หลับ 
คุยกันให้เข้าใจกันก่อนดีกว่าหันหลังให้กัน
(แต่ถ้าอีกฝ่ายชิงปิดเครื่องหนี เราก้อไม่ต้องไปรอหรอก เพราะถ้าเค้าอยากคุยจริงๆเค้าจาโทรหาเราเองมั้ง)

กฎทองข้อที่ 7 คุยกันให้มากหน่อย 
จะช่วยให้ความรักระหว่างเราเข้าใจกันมากขึ้น 
จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่คุณเจอะเจอ เรื่องงานของคุณ 
หนังสือที่คุณเพิ่งอ่านจบ ลองเล่าสู่กันฟัง 
แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าเร
าผูกพันกันมากขึ้นกว่าเดิม

กฎทองข้อที่ 8 ถ้ารู้ตัวว่าทำผิดก็ขอโทษซะ 
ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียฟอร์มหรอก

กฎทองข้อที่
 9 อย่าเข้าใจผิดว่าการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา 
หมายถึงความเอาใจใส่อย่างแท้จริง เพราะการใส่ใจ 
คือการให้ความสนใจเต็มร้อยเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่คุณนั่งฟังเขาพูด 
แต่ดูทีวีไปด้วย
กฎทองข้อที่ 10 อย่าลืมทำให้เขารู้ว่า เรายังรักกันเสมอ …

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

"กฎ" ของ "ผู้ชาย"
 
- ห้ามเปลี่ยนช่อง..เวลากู..ดูบอ
- ห้ามงอน..เวลากู..ไปกินเหล้า
- ห้ามงี่เง่า..ตอนกู..อารมณ์เสี
- ห้ามอ่อนเพลีย..เวลากู..ต้องกา
.......................................................

"กฎ" ของ "ผู้หญิง"

- ห้ามเดินผ่าน..ตอนกูกำลัง..ดูละคร
- ห้ามนอนกรน..ก่อนที่กูจะ..นอนหลั
- ห้ามทำอะไร..ที่ดูเหมือนจะ..มีความลับ
- ห้ามขยับ..เวลาที่กูหยิบโทรศัพท์ มึง..มา
 

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

กฏของชู้

กฏของชู้ ใครเป็นชู้ต้องรีบอ่าน
กฎของชู้
1. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก ตรงหึงหวงกันได้....(ไม่ต้องเก็บกด)

2. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก เพราะต้องของกันและกัน...(ถ้าไม่เป็นไม่เรียก "ชู้" ) 

3. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก เพราะมีสิทธิเรียกร้อง......(ขอได้หมด ถ้าปรนนิบัติดี)

4. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก ต้องเป็นสถานะเดียวเท่านั้นคือ "ชู้" ...(นอกจาก ชู้ ก็ไม่รู้ จะเรียกอะไร)

5. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก สามารถใช้ร่วมกับเพื่อนได้ ....(รู้จักการแบ่งปัน)

6. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก ถึงจะมีแฟนก็ไม่สน เพราะตั้งใจเป็น "ชู้" ตั้งแต่แรก.....(รักที่จะเป็น ว่างั้น.)

7. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก จะมีคนคอย Take Care ตลอด..(ต้องคอยเอาอก เอาใจ ไม่งั้นมีใหม่)

8. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก จำง่าย เพราะต้องมีจำนวนจำกัด ถ้ามากกว่านั้น ตัวเองจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็น..(คิดเอาเอง)

9. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก เพราะ "ชู้" สำคัญพอๆกับแฟน (บางครั้งเลือกยาก) และมากกว่า "กิ๊ก"

10. ชู้ ดีกว่า กิ๊ก เพราะ ว่า "กิ๊ก ไม่ใช่ ชู้ แต่แฟนรู้ต้องเลิก" ส่วน ชู้ ก็เป็นชู้ ถึงแฟนรู้ กูไม่เลิก" 

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ภัยใกล้ตัวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี ที่ควรระวัง!!

โดยจารยา บุญมาก
       
       สำหรับใครที่ไม่เคยตื่นตัวเรื่องการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ.2535 เชื่อหรือไม่ว่า คุณกำลังใช้ชีวิตกับความเสี่ยงทางสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากโรคดังกล่าวสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และผ่านสายเลือด ซึ่งแน่นอนหากคุณมีการใช้เข็มฉีดยา เข็มสัก หรือแม้กระทั่งกรรไกรตัดเล็บและมีดโกนหนวดร่วมกับผู้ที่มีพาหะ ทั้งเชื้อเอชไอวี และเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการรับไวรัสตับอักเสบบีมากกว่าเอชไอวี ถึง 100 เท่า
ข้อมูลดังกล่าวได้รับการยืนยันโดย รศ.นพ.ธีระ พิรัชวิสุทธิ์ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย ซึ่งให้ข้อมูลว่า จากสถิติพบว่า ทั่วโลกมีผู้เป็นพาหะโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังกว่า 350 ล้านคน และมีผู้ได้รับเชื้อชนิดนี้กว่า 2,000 ล้านคน ส่วนในประเทศไทย พบว่า มีผู้เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีกว่า 3.5 ล้านคน ซึ่งมีสถิติพบว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคไวรัสตับอักเสบบีที่ไม่ได้รับการรักษา 1 ล้านคนต่อปี โดยอาการทั่วไปของโรคนี้เกิดขึ้นได้ 2 แบบ คือ 1.เฉียบพลัน จะมีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดชายโครง ตาเหลือง และ 2.แบบเรื้อรัง จะอ่อนเพลีย มีอาการต่อมน้ำลายโต และตับแข็ง ซึ่งแพทย์จะต้องตัดชิ้นเนื้อ หรือเอกซเรย์ ดู จึงจะทราบอาการและส่วนมากหากเป็นขั้นรุนแรงก็จะมีชีวิจอยู่ได้แค่ 4-6 เดือน โดยที่น่าห่วง คือ พบว่า ทารกที่รับเชื้อจากมารดา ทางสายเลือดที่เป็นตับอักเสบบีเฉียบพลัน มีโอกาสจะเป็นเรื้อรังได้ถึง 95% ขณะที่ผู้ใหญ่ซึ่งป่วยเฉียบพลันแล้วมีโอกาสรา 3-5% จะป่วยเรื้อรังได้ แต่โชคดีที่เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสรับวัคซีน
       
       “ที่น่ากังวล คือ ไวรัสตับอักเสบบี นำไปสู่มะเร็งตับประมาณร้อยละ 80 ที่มีอยู่ทั่วโลก ดังนั้น จึงควรเร่งตรวจคัดกรองเพื่อจะได้รับยาอย่างถูกต้องและไม่ต้องเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ” รศ.นพ.ธีระ กล่าวเสริม
       
       รศ.นพ.ธีระ กล่าวด้วยว่า โรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อผ่านคนได้โดยจากการสัมผัสเลือด และน้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ สำหรับในเอเชียและตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่เชื้อจะแพร่จากแม่สู่ลูก และระหว่างเด็กๆ ด้วยกัน นอกจากนี้ เชื้ออาจจะแพร่โดยการใช้ของมีคม ของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟันร่วมกับกับผู้ติดเชื้อ และการใช้เครื่องมือที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อในการสักผิวหนัง ทั้งนี้ มีผลการสำรวจของหลายสถาบันได้พบสถิติว่าผู้ที่เป็นพาหะโรคไวรัสตับ อักเสบบีมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับสูง ถึง 80% เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบสู่มะเร็งตับที่ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ
       
       รศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังให้หายขาด แต่มีการรักษา 2 แบบ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้โรคเลวร้ายลง และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งแบบแรกเป็นการรักษาโดยใช้ยาอินเทอเฟอรอน เพื่อช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ในการติดเชื้อ และแบบที่สองเป็นการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส ซึ่งจะทำงานโดยการรบกวนการเพิ่มจำนวนไวรัส ซึ่งจะเป็นการลดปริมาณไวรัสในเลือด เป้าหมายการรักษา คือ การลดจำนวนไวรัสในเลือด
       
       ขณะที่ พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ เลขาธิการมูลนิธิโรคตับ กล่าวว่า ในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา ทางมูลนิธิโรคตับร่วมกับสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการ “หยุดไวรัสตับอักเสบบี ต้านภัยมะเร็งตับ...เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา” เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนได้มีการดูแลสุขภาพที่ดี รู้จักโรค รู้อาการ รู้อันตราย และรู้วิธีการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีที่ถูกต้องเหมาะสม โดยในปี 2555 ที่จะถึงนี้จะจัดกิจกรรมตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีฟรี จำนวน 8,400 ราย ทั่วประเทศ ซึ่งจะแจ้งสถานที่ในการคัดกรองให้ประชาชนทราบในภายหลัง ซึ่งบุคคลที่ควรตรวจคัดกรอง ได้แก่ ผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่หลังจากปีดังกล่าว มีวัคซีนป้องกันแล้ว จึงจำเป็นต้องคัดกรองในกลุ่มวัยทำงาน เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน และจะได้หาวิธีการป้องกันการนำไปสู่โรคมะเร็งตับ อันเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของชายไทย

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กฎ 10 ข้อ ของการเป็นกิ๊ก



1.ห้ามหึงหวงแต่ห่วงกันได้
(ก้อชั้นไม่ได้รักแกนี่)

2. มีอะไรกันได้แต่ไม่ใช่ของกันและกัน
(ก็ชั้นมีตัวจริงอยู่แล้วนี่หว่า)

3.ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ
(ก็แกไม่ใช่แฟนชั้นนี่หว่า กะแฟนยังเรียกร้องไม่ได้เลย)


4. กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ห้ามเศร้า
(จะไปเศร้าทำไมวะ ก็รู้แต่แรกแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว)

5. ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน
(ก็ยังอยากได้ไว้เป็นของส่วนตัวอ่ะน่า)


6. ถ้ากิ๊กคิดจะไปมีแฟนเป็นตัวตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟายแต่ต้องพยายามยอมรับและยินดีด้วย แล้วค่อยตกลงกันอีกทีว่าจะยังกิ๊กกันต่อรึเปล่า
(ก็เรารักคนนั้นนิ)

7. ไม่จำเป็นต้อง take care กันเกินเหตุเพราะเป็นแค่กิ๊ก
(เออเด่ะ)

8. กิ๊กมีได้ไม่จำกัดจำนวนเป็น infinity ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ
(ถ้าไม่กลัวตายเพราะเอดส์แถมยังต้องปีนต้นงิ้วอีกก็เอา)

9. กิ๊กสำคัญรองจากแฟน
(ก็ไม่ใช่แฟนนี่หว่า)

10. กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊กต้องเจียมตัว
(เฮ้อ........ )